รู้ก่อนให้เพื่อนยืม! ทำไมเจ้าของรถถึงต้องรับผิดชอบ หากเกิดอุบัติเหตุ

หลายคนคงเคยเจอสถานการณ์ที่เพื่อนหรือคนรู้จักมาขอยืมรถเพื่อใช้ในกิจธุระต่างๆ การให้ยืมรถอาจดูเหมือนเป็นการแสดงน้ำใจที่เรียบง่ายและไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ในความเป็นจริง หากรถที่ยืมไปเกิดอุบัติเหตุ เจ้าของรถอาจต้องเผชิญกับความรับผิดชอบทั้งในแง่กฎหมายและการเงินแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นผู้ขับขี่ในขณะนั้นก็ตาม
บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับหลักการทางกฎหมาย รวมถึงอธิบายว่าใครต้องรับผิดชอบเมื่อเกิดอุบัติเหตุ พร้อมแนะนำแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสี่ยงเมื่อต้องให้ผู้อื่นยืมรถ
เจ้าของรถต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างไร
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เกี่ยวกับการรับผิด เจ้าของรถยนต์ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากรถของตนแม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ขับขี่ในขณะเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากรถยนต์ถือเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองของเจ้าของ หากเพื่อนยืมรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ เช่น ชนรถคันอื่น เจ้าของรถอาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายต่อบุคคลที่สาม อย่างค่ารักษาพยาบาลหรือค่าซ่อมรถของคู่กรณี โดยเฉพาะหากพิสูจน์ได้ว่ารถอยู่ในความดูแลของเจ้าของ

ประกันรถคุ้มครองตัวรถเป็นสำคัญ
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ เช่น ประกันชั้น 1 หรือชั้น 2+ โดยทั่วไปจะให้ความคุ้มครองที่เกี่ยวข้องกับตัวรถยนต์ ไม่ใช่ตัวผู้ขับขี่ ดังนั้นไม่ว่าใครจะขับรถคันนั้น หากเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันจะพิจารณาความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ของรถคันนั้น อย่างไรก็ตามเจ้าของรถอาจต้องรับผิดชอบ ค่าเสียหายส่วนแรกหากผู้ที่นำรถไปเกิดอุบัติเหตุมิใช่ชื่อบุคคลที่ระบุตามกรมธรรม์
ถ้าเพื่อนยืมรถแล้วเป็นฝ่ายผิด เจ้าของรถต้องจ่ายอะไรบ้าง
หากเพื่อนที่ยืมรถเป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุ เช่น ขับรถชนคู่กรณี เจ้าของรถอาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายต่อคู่กรณีตามกฎหมาย ค่าเสียหายส่วนแรก รวมถึงค่าเสียหายเบื้องต้น เช่น ค่าซ่อมรถหรือค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี แม้ว่าบริษัทประกันอาจเรียกคืนค่าเสียหายจากผู้ยืมในภายหลังได้ แต่ในขั้นต้น เจ้าของรถต้องเป็นผู้จัดการภาระทางการเงินกับบริษัทประกันก่อน ซึ่งอาจสร้างความยุ่งยากและเสียเวลาเป็นอย่างมาก
ข้อจำกัดประกันเมื่อให้คนอื่นขับรถ
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์บางประเภท โดยเฉพาะประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ มีเงื่อนไขที่จำกัดความคุ้มครองอย่างเข้มงวด หากผู้ขับขี่ในขณะเกิดอุบัติเหตุไม่ใช่บุคคลที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ บริษัทประกันอาจปฏิเสธการเคลมหรือให้ความคุ้มครองเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่งผลให้เจ้าของรถต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดหรือบางส่วน เช่น ค่าซ่อมรถของตนเองหรือค่าเสียหายต่อคู่กรณี ซึ่งอาจรวมถึงค่ารักษาพยาบาลหรือค่าชดเชยอื่นๆ ตามกฎหมาย
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ เจ้าของรถควรตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียดก่อนให้ผู้อื่นยืมรถ และอาจต้องแจ้งบริษัทประกันเพื่อเพิ่มชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ หรือเลือกกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองแบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ ซึ่งอาจมีเบี้ยประกันสูงกว่า แต่ช่วยลดความเสี่ยงเมื่อให้ผู้อื่นขับรถของเรา

วิธีป้องกันปัญหาก่อนให้เพื่อนยืมรถ
เพื่อลดความเสี่ยง เจ้าของรถควรตรวจสอบว่าเพื่อนมีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้องและมีทักษะการขับรถที่เหมาะสม การทำสัญญายืมรถที่ระบุความรับผิดชอบชัดเจน เช่น การตกลงว่าใครจะรับผิดชอบค่าเสียหายหากเกิดอุบัติเหตุ เป็นอีกวิธีที่ช่วยปกป้องเจ้าของรถ นอกจากนี้ควรปรึกษาบริษัทประกันเพื่อขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมผู้ขับขี่คนอื่น หรือเพิ่มชื่อผู้ยืมในกรมธรรม์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและการเงินในอนาคต
การให้เพื่อนยืมรถอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงทั้งด้านกฎหมายและการเงิน เจ้าของรถต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากรถของตน ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยมักคุ้มครองตัวรถ ไม่ใช่ผู้ขับ ทำให้เจ้าของรถอาจต้องรับภาระค่าเสียหายส่วนแรกหรือผลกระทบจากประวัติการเคลม ดังนั้นควรคิดให้รอบคอบก่อนให้ใครยืมรถไปใช้งาน และควรดูรายละเอียดกรมธรรม์ประกันภัยที่ซื้อมาให้ดีว่าคุ้มครองเฉพาะรายบุคคลหรือคุ้มครองแบบไม่ระบุรายบุคคล ซึ่งการซื้อกรมธรรม์อย่างหลังจะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่าหากรถคันนั้นมีผู้ขับหลายมือ อีกทั้งในปี พ.ศ.2568 คปภ.มีการกำหนดเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ว่าจะต้องมีการระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์นั้น ๆ ได้ตั้งแต่ 1 – 5 ชื่อ นั่นแปลว่าเมื่อใดที่มีคนขับคนที่ 6 ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเมื่อมีผู้ยืมรถไปขับขี่และคุณต้องช่วยรับผิดชอบย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ