ลืมกุญแจไว้ในรถ แล้วรถหาย ประกันคุ้มครองหรือไม่

อุบัติเหตุคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกเวลาแม้ว่าเราจะป้องกันตัวเองอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม หลายคนที่เลือกทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจนอกเหนือจากประกันภาคบังคับ หรือ พรบ. ที่รถทุกคันต้องมีอยู่แล้ว ก็เพราะต้องการความคุ้มครองที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามการทำประกันภาคสมัครใจไว้ยังไงก็คุ้มกว่าการไม่มี นอกจากนี้ยังมีบางเหตุการณ์ที่ผู้คนทั่วไปอาจสงสัยว่าจะสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ อย่างเช่นกรณีลืมกุญแจแล้วรถหาย หากเกิดเหตุนี้ขึ้นแล้วประกันคุ้มครองยังจะคุ้มครองไหม วันนี้มีคำตอบเรื่องนี้มาฝาก

การจะตอบคำถามนี้ได้ จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงหนึ่งอย่างก่อนคือ ไม่ใช่ประกันทุกประเภทจะคุ้มครองกรณีรถหาย โดยจะมีเพียงประกันชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 2 พลัสเท่านั้นที่คุ้มครองกรณีรถหาย และการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด โดยจะคุ้มครองกรณีรถหายเนื่องจากถูกโจรกรรม ลักทรัพย์ หรือชิงทรัพย์ อย่างไรก็ตามการที่รถหายเพราะเจ้าของลืมกุญแจไว้ในรถ หรือแม้กระทั่งสตาร์ทรถทิ้งไว้และรถหายระหว่างที่ลงไปซื้อของ แม้ว่ากรณีแบบนี้อาจเข้าข่ายถูกโจรกรรม แต่อาจเป็นช่องโหว่ให้ประกันไม่รับผิดชอบ เพราะอาจมองได้ว่าเจ้าของรถประมาทเลินเล่อ

ความจริงต่อมาที่ต้องพิจารณาก็คือ กรณีลืมกุญแจไว้ในรถ เข้าข่ายประมาทเลินเล่อหรือไม่? โดยในทางกฎหมาย บริษัทประกันมีสิทธิในการพิจารณาว่าผู้เอาประกันภัยมีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งความประมาทเลินเล่อโดยทั่วไป หมายถึง การกระทำที่บุคคลโดยทั่วไปไม่ควรทำ เช่น ทิ้งกุญแจไว้บนเบาะหน้ารถ จอดรถในที่ที่รู้ตั้งแต่แรกว่าไม่ควรจอดและยังลืมกุญแจทิ้งไว้ สตาร์ทรถทิ้งไว้หน้าร้านสะดวกซื้อแล้วลงไปซื้อของโดยไม่ล็อครถ ฯลฯ หากบริษัทประกันพิจารณาแล้วว่าผู้เอาประกันประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจนเปิดช่องให้รถถูกโจรกรรมได้ง่าย ก็มีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธความคุ้มครอง หรืออาจจ่ายค่าสินไหมเพียงบางส่วน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระดับของความประมาท และกระบวนการนี้ศาลจะเป็นคนตัดสิน

จากข้อมูลฎีกาล่าสุดในปี 2567 พบกรณีตัวอย่างที่เจ้าของรถคันหนึ่งจอดรถลงไปซื้อของโดยไม่ได้ล็อครถและติดเครื่องรถทิ้งไว้ ผ่านไปประมาณ 5 – 6 นาที เมื่อซื้อของเสร็จ ก็พบว่ารถหาย เจ้าของรถทำการแจ้งความทันที จากนั้นก็พบว่ารถคันที่ถูกขโมยไปได้ถูกไฟไหม้ ทีแรกบริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบเพราะมองว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง แต่จากการพิจารณาของศาลพบว่าจุดที่จอดรถอยู่ห่างจากร้านขายของไม่ไกลมาก ในลักษณะที่เจ้าของรถยังคงมองเห็นรถได้ และการจอดซื้อของก็ใช้เวลาไม่นาน นอกจากนี้เมื่อรู้ว่ารถหายก็ดำเนินการแจ้งความทันที เหตุทั้งหมดนี้จึงไม่เข้าข่ายความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง และไม่เป็นเหตุให้ประกันปฏิเสธความรับผิดชอบ 

1. ตั้งสติและไปแจ้งความ  

แม้ว่าเจ้าของรถบางคันจะมีระบบ GPS ทำให้ติดตามรถได้ แต่สิ่งแรกที่ควรทำคือการไปแจ้งความ เพราะการแจ้งความ นอกจากตำรวจจะช่วยติดตามรถให้แล้ว หลักฐานการแจ้งความยังเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องใช้เพื่อติดต่อเคลมประกัน ในการแจ้งความให้บอกข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งข้อมูลมากเท่าไหร่ โอกาสได้รถคืนก็มีมากขึ้นเท่านั้น

2. เตรียมเอกสารยื่นแจ้งเคลมประกัน 

เอกสารที่ต้องใช้คือใบแจ้งความ หลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของรถ และหลักฐานการผ่อนรถ (กรณีรถยังผ่อนไม่หมด) จากนั้นบริษัทประกันจะทำการพิสูจน์ว่ากรณีรถหายที่เกิดขึ้นเข้าข่ายจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่ รวมถึงจะดำเนินการติดตามรถให้เราด้วย ซึ่งถ้ารถหายและติดตามคืนไม่ได้ โดยพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง บริษัทประกันก็จะจ่ายค่าทดแทนตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ และต่อไปนี้คือสิ่งที่เจ้าของรถควรทำความเข้าใจ

• ประกันชั้น 1 ชั้น 2 และ 2 พลัส คือประกันสามประเภทที่คุ้มครองกรณีรถหาย โดยวงเงินความคุ้มครองจะต่างกันไป ซึ่งถ้าเป็นประกันชั้น 1 หากติดตามรถคืนไม่ได้ จะได้รับการชดเชยสูงสุด 80% ของราคารถ เพราะต้องหักค่าเสื่อมของรถไปด้วย ซึ่งวงเงินความคุ้มครองตามราคารถจะถูกกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ทำประกัน  

• กรณีรถยังผ่อนกับไฟแนนซ์ นอกจากแจ้งประกันแล้ว ต้องแจ้งไฟแนนซ์ด้วยเพื่อทำการระงับสัญญา เงินทดแทนที่ได้รับจากประกันจะถูกส่งให้ไฟแนนซ์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ และผู้เอาประกันจะได้ค่าส่วนต่างในกรณีที่เงินทดแทนสูงกว่าค่างวดคงเหลือ

1. ตรวจเช็กก่อนลงจากรถ 

ทุกครั้งที่จอดรถ ควรตรวจสอบว่าคุณได้นำกุญแจติดตัวออกมาหรือไม่ ล็อครถเรียบร้อยแล้วหรือยัง ไม่ทิ้งของมีค่าที่มองเห็นได้ในรถ และที่สำคัญ อย่าไว้ใจแม้เพียงเสี้ยววินาที เพราะหลายครั้งที่เราคิดว่าแค่แป๊บเดียว เช่น ลงไปกด ATM หรือซื้อกาแฟ แล้วปล่อยให้รถติดเครื่องอยู่ นั่นคือช่วงเวลาที่รถอาจถูกขโมยได้

2. ไม่ควรติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 

ไม่ว่าจะจอดรถไว้ในเวลาสั้นแค่ไหน การทิ้งรถไว้ขณะติดเครื่องยนต์ถือเป็นการเสี่ยงที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในที่สาธารณะหรือบริเวณที่ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

3. ใช้กุญแจอัจฉริยะอย่างระมัดระวัง

แม้รถรุ่นใหม่จะมีกุญแจ Smart Key ที่ล็อครถอัตโนมัติ แต่ก็ไม่ควรประมาท ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบทำงานอย่างถูกต้อง และพกกุญแจติดตัวเสมอ 

แม้ว่ากรณีรถหายขณะติดเครื่องไว้และลืมกุญแจไว้ในรถอาจมีทั้งที่ได้รับการชดเชยจากประกันและกรณีที่ประกันไม่คุ้มครอง (ขึ้นกับการพิสูจน์ว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่) แต่การทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจก็ยังถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะยังคุ้มครองในกรณีอื่น ๆ ซึ่งรถทุกคันสามารถเจอได้บ่อย เช่น อุบัติเหตุเฉี่ยวชน ฯลฯ ช่วยให้คุณขับขี่ในทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ

ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ