ค่าทันตกรรมและสายตา ประกันสุขภาพครอบคลุมไหม

การใช้ชีวิตในปัจจุบัน เราต้องเจอกับค่าใช้จ่ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าเช่าบ้าน ฯลฯ ค่าใช้จ่ายบางอย่างเราอาจควบคุมได้ เมื่อรู้สึกว่าจ่ายมากเกินไปก็ประหยัดได้ แต่ค่าใช้จ่ายบางอย่างก็เกิดขึ้นในแบบที่เราควบคุมไม่ได้ หนึ่งในค่าใช้จ่ายประเภทนี้คือ ‘ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ’ การเจ็บป่วยใกล้ตัวเรามากขึ้น และค่ารักษาของแต่ละโรคก็ไม่เท่ากัน หลายคนจึงเลือกใช้การทำประกันสุขภาพเพื่อรองรับความเสี่ยง หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ “ประกันสุขภาพรองรับการทำฟันและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสายตาหรือไม่?” ซึ่งวันนี้เราจะไปหาคำตอบพร้อม ๆ กัน

ประกันสุขภาพทั่วไปคุ้มครองทันตกรรมหรือไม่

โดยทั่วไปแล้ว แผนประกันสุขภาพพื้นฐานที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากโรคทั่วไปหรืออุบัติเหตุมักไม่ครอบคลุมค่ารักษาด้านทันตกรรมและสายตา เพราะบริษัทประกันมองว่าการทำฟันและตรวจสายตาเป็นการดูแลเชิงป้องกันหรือบริการทางเลือกมากกว่าการรักษาภาวะเจ็บป่วยเฉียบพลัน ซึ่งหากคุณทำประกันสุขภาพแพคเกจพื้นฐานและได้อ่านข้อยกเว้นในกรมธรรม์ก็จะพบว่าสองเรื่องต่อไปนี้อยู่ในเงื่อนไขที่ประกันไม่คุ้มครอง

• การตรวจรักษา / การผ่าตัดเกี่ยวกับฟันหรือเหงือก / การทำฟันปลอม / การครอบฟัน / การรักษารากฟัน / อุดฟัน / ขูดหินปูน / ถอนฟัน / การใส่รากฟันเทียม ยกเว้นในกรณีจำเป็นอันเนื่องจากบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งไม่รวมค่าฟันปลอม การครอบฟัน การรักษารากฟันหรือใส่รากฟันเทียม 

• การตรวจรักษาความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา ทำเลสิก ค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์เพื่อช่วยการมองเห็น หรือรักษาความผิดปกติของการมองเห็น

จากข้อยกเว้นทั้งสองข้อซึ่งมักพบในประกันสุขภาพพื้นฐาน จะเห็นว่าค่าทำฟันและค่าสายตาจะไม่อยู่ในความคุ้มครอง ยกเว้นในกรณีที่มีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาเนื่องจากอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยแบบเฉียบพลัน อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ทำงานในหน่วยงานหรือบริษัทต่าง ๆ มักจะมีประกันกลุ่มเป็นสวัสดิการที่บริษัทจัดให้พนักงาน ซึ่งข่าวดีก็คือหลายบริษัทให้ความคุ้มครองการทำฟันและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสายตาด้วย เช่น ให้ค่าตัดแว่นไม่เกิน 4,500 บาท หรือให้วงเงินค่ารักษาพยาบาลโดยอนุญาตให้ใช้เป็นค่าทำฟันได้ (เบิกจ่ายในวงเงินรวมกับโรคอื่น ๆ

วิธีเลือกแผนประกันที่ครอบคลุมค่าทำฟันและสายตา

หากต้องการความคุ้มครองด้านทันตกรรมและสายตา สิ่งที่ทำได้คือมองหาแผนประกันที่ไม่ใช่ประกันสุขภาพแบบพื้นฐาน เริ่มด้วยการเปรียบเทียบจากหลาย ๆ บริษัทเพื่อดูรายละเอียดวงเงินและค่าเบี้ยประกัน สำหรับประเภทประกันที่มองหา อาจพิจารณาเลือกจากรูปแบบต่อไปนี้

1. เลือกประกัน OPD แบบเหมาจ่าย  

ค่าทำฟันมักจัดอยู่ในการรักษาแบบผู้ป่วยนอก หรือ OPD ซึ่งถ้าเจอแผนประกันเหมาจ่าย OPD แบบไม่กำหนดวงเงินสูงสุดต่อครั้ง (กำหนดเพียงวงเงินสูงสุดต่อปี) ก็มักจะใช้ทำฟันได้ เพราะประกันเหมาจ่ายประเภทนี้ส่วนใหญ่จะไม่กำหนดเงื่อนไขข้อยกเว้นมากนัก อย่างไรก็ตามค่าทันตกรรมที่รองรับจะเป็นไปเพื่อการรักษาเท่านั้น จะไม่รองรับการจัดฟันเพื่อความสวยงาม

2. มองหาแผนประกันที่ระบุว่าคุ้มครองกรณีทำฟัน 

อย่างที่บอกไปแล้วว่าแผนประกันสุขภาพพื้นฐานจะไม่คุ้มครองกรณีทันตกรรม แต่การมองหาประกันที่คุ้มครองส่วนนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ โดยควรตรวจสอบว่าแผนครอบคลุมบริการอะไรบ้าง เช่น ขูดหินปูนปีละ 1-2 ครั้ง / อุดฟัน / ถอนฟัน / ผ่าฟันคุด / การรักษารากฟัน โดยวงเงินมักจะอยู่ในช่วง 1,000 – 10,000 บาทต่อปี

3. มองหาแผนประกันเฉพาะเกี่ยวกับสายตา 

สำหรับประกันสุขภาพสายตาโดยเฉพาะอาจมีน้อยกว่าแผนทำฟัน ส่วนใหญ่จะมาในรูปของแพคเกจเสริมจากแผนหลัก หรือเป็นสวัสดิการที่บริษัทจัดให้พนักงาน โดยมักครอบคลุมค่าตรวจวัดสายตาโดยจักษุแพทย์ และค่าตัดแว่นหรือเลนส์สายตา

บทความ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายดีไหม

คุ้มไหมกับการซื้อประกันเสริมด้านทันตกรรมและสายตา

การจะตอบได้ว่าคุ้มหรือไม่ จำเป็นต้องพิจารณาสวัสดิการที่มีอยู่แล้วว่าคุ้มครองอะไรบ้าง รวมถึงพิจารณาความเสี่ยงของตัวเอง หากที่ทำงานจัดสวัสดิการพื้นฐานที่คุ้มครองค่าทำฟันให้อยู่แล้ว เมื่อใช้ร่วมกับประกันสังคมก็อาจไม่จำเป็นต้องซื้อแพคเกจประกันเพิ่ม แต่หากไม่มีสวัสดิการรองรับจากที่ทำงาน การลงทุนกับแผนประกันที่คุ้มครองค่าทำฟันและสายตาก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะอวัยวะทั้งสองส่วนถือว่ามีความสำคัญมากต่อการใช้ชีวิต

การเลือกแผนประกันที่ใช่สำหรับตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทุกวันนี้แทบทุกบริษัทให้คุณเปรียบเทียบแผนประกันได้แบบออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อ เมื่อมองความจริงว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลงทุนกับประกันสุขภาพก็ถือว่าคุ้มค่ามาก โดยเฉพาะหากคุณต้องการได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดในทุกครั้งที่เจ็บป่วย

บทความ 4 วิธีลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพโดยไม่ลดความคุ้มครอง