เที่ยว “เลห์ ลาดักห์” ดินแดนหลังคาโลก ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต

สำหรับใครที่กำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่ทั้งสวยงาม ท้าทาย และเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งขุนเขา ‘เลห์ ลาดักห์’ คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สายเที่ยวแบบลุย ๆ ตัวจริงไม่ควรพลาดไปเยือนสักครั้งในชีวิต ด้วยภูมิประเทศที่รายล้อมไปภูเขาที่สูงเสียดฟ้า โอบล้อมไปด้วยทิวเขาหิมาลัยที่ยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวของทิเบตและอินเดีย ที่นี่ยังคงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์ เลห์ ลาดักห์ (Leh Ladakh) ได้รับฉายาว่าเป็น ‘หลังคาโลก’ ซึ่งไม่ว่าใครที่ได้ไปเยือนต่างก็ต้องหลงรักในเสน่ห์อันลึกลับของดินแดนแห่งนี้
เลห์ ลาดักห์ ดินแดนแห่งขุนเขาและวัฒนธรรมทิเบต
เลห์ ลาดักห์ (Leh–Ladakh) คือเขตปกครองพิเศษ (Union Territory) ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย มีพื้นที่ประมาณ 98,000 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 2 เขตหลัก คือ เลห์ (Leh) และ คาร์กิล (Kargil) มีประชากรรวมราว 250,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธและมุสลิม ภูมิประเทศที่นี่สูงมาก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยที่ประมาณ 3,500 เมตร
ในอดีต เลห์ ลาดักห์ เคยเป็นอาณาจักรอิสระ มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ตั้งแต่การตั้งอาณาจักรในคริสต์ศตวรรษที่ 9 , การเข้ามาของพระพุทธศาสนา , การสถาปนาวัดและวังมากมาย จนถึงการถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นแคชเมียร์ในปี 1834 ปัจจุบันแม้ไม่มีสถานะเป็นอาณาจักรแล้ว แต่ยังคงมีราชวงศ์เดิมหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะราชวงศ์ Namgyal
สภาพอากาศของที่นี่โดยทั่วไปจะแห้งแล้งและมีฝนตกน้อยหรือไม่มีเลยเนื่องด้วยภูมิศาสตร์นั้นตั้งอยู่ใต้เทือกเขาหิมาลัยที่เป็นเสมือนตัวขวางกั้นไม่ให้ลมพัดเอาความชื้นเข้ามา ในฤดูร้อน (เดือนพฤษภาคม – เดือนกันยายน) อุณหภูมิสูงไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิเฉลี่ยในตอนกลางคืนจะอยู่ที่ 12 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์) อุณหภูมิในตอนกลางคืนจะลดต่ำลงถึงลบ 30 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเฉลี่ยในตอนกลางวันจะอยู่ที่ลบ 25 ถึงลบ 10 องศาเซลเซียส
จะไปเลห์ ลาดักห์ ต้องเตรียมตัวยังไง? ขอวีซ่าหรือไม่?
ปัจจุบันการเดินทางไป เลห์ ลาดักห์ สะดวกกว่าที่คิด โดยมี 2 เส้นทางหลัก คือ ทางเครื่องบิน และ ทางรถยนต์
- ทางเครื่องบิน
เป็นเส้นทางที่แนะนำมากที่สุด เพราะใช้เวลาในการเดินทางสั้นและยังสามารถมองความสวยงามของ เลห์ ลาดักห์ จากมุมสูงได้ด้วย โดยจะมีเที่ยวบินตรงจากเดลี (Delhi) ไปยังเลห์ (Leh) ทุกวัน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที สายการบินหลัก ได้แก่ Air India , Spice Jet , Indigo , Vistara และ Go Air
- ทางรถยนต์
นับเป็นเส้นทางที่นักเดินทางสายผจญภัยนิยมกัน เพราะมีให้เลือกเดินทางได้ 3 เส้นทาง ซึ่งสามารถขับขี่ได้ทั้งพาหนะประเภทรถยนต์และจักรยานยนต์ ในระหว่างการเดินทางของแต่ละเส้นทางก็จะมีสถานที่เช็คอินที่สวยงามไว้คอยให้ถ่ายรูปเพื่อเก็บความทรงจำ แต่การที่จะเดินทางด้วยรถนั้นจำเป็นจะต้องเช็กเส้นทางก่อนเดินทางทุกครั้ง เพราะบางเส้นทางอาจถูกปิดด้วยสภาพภูมิอากาศในแต่ละฤดูกาล
การขอวีซ่า
สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปยังประเทศอินเดีย ทุกคนจะต้องยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่าอินเดียก่อนเดินทาง โดยสามารถยื่นขอ e-Visa ได้ทางออนไลน์และควรตรวจสอบข้อกำหนดล่าสุดก่อนเดินทางทุกครั้ง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยว เลห์ ลาดักห์
โดยปกติแล้ว เลห์ ลาดักห์ สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่แนะนำมากที่สุดจะเป็นช่วงฤดูร้อน (พฤษภาคม-กันยายน) ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศดีที่สุด ถนนเปิดครบทุกเส้น เหมาะกับการเที่ยวชมธรรมชาติและจุดเช็คอินต่าง ๆ
- จุดเช็คอินห้ามพลาดในเลห์ ลาดักห์
- ทะเลสาบ Pangong (Pangong Tso Lake)
เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดของโลก น้ำในทะเลสาบมีสีฟ้าครามสวยงาม ใครที่จะมาที่นี่ต้องขับรถมาไม่น้อยกว่า 4 – 5 ชั่วโมงจากตัวเมืองเลห์และต้องมีใบอนุญาตเข้าพื้นที่ด้วย ใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูป ถ่ายคลิปวีดีโอแบบ Time Lapse ไม่ควรพลาด เพราะทะเลสาบ Pangong จะเปลี่ยนเฉดสีตามแสงแดดที่ตกกระทบลงมาซึ่งเป็นภาพธรรมชาติที่สวยมาก

- หุบเขามาร์กา (Markha valley)
เส้นทางเดินป่า Markha Valley ในอุทยานแห่งชาติ Hemis เป็นเส้นทางยอดนิยมที่สุดใน เลห์ ลาดักห์ โดยหุบเขานี้อยู่ระหว่างเทือกเขา Stok Kangri ทางเหนือ และเทือกเขา Zanskar ทางใต้ ตลอดเส้นทางจะได้ชมวิวภูเขาสวยงาม สัตว์ป่า และหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางทุ่งข้าวบาร์เลย์สีเขียว พร้อมการเข้าพักโฮมสเตย์เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตชาวพื้นเมืองแท้ ๆ

- เส้นทางเดินป่า Nubra valley จาก Phyang ถึง Hunder
การเดินป่า Nubra Valley จาก Phyang ไปยัง Hunder เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างหุบเขา Indus กับ Nubra เป็นเส้นทางการค้าสมัยโบราณที่เรารู้จักกันในนาม ‘เส้นทางสายไหม’ จุดสูงสุดคือช่องเขา Lasermo La (5,438 เมตร) ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะตลอดทั้งปีแม้แต่ในฤดูร้อน จากจุดนี้คุณสามารถมองเห็นวิวเทือกเขาคาราโครัมอย่างงดงาม ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 5 วัน ซึ่งหลังจบการเดินป่า จะพบกับสถานที่สำคัญในหุบเขา Nubra และกิจกรรมขี่อูฐที่เนินทราย Hunder และชมพระพุทธรูปเมไตรยขนาด 32 เมตรที่วัด Diskit

- เนินทรายฮุนเดอร์ (Hunder Sand Dunes)
ทะเลทรายสีเงินที่มีความสวยงามเกินบรรยายของฮุนเดอร์ (Hunder Sand Dunes) ในเขตหุบเขานูบรา ที่ตั้งอยู่บนความสูงกว่า 4,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ท่ามกลางภูเขา มีแอ่งน้ำใส เป็นภาพที่งดงามราวเทพนิยาย นักท่องเที่ยวสามารถนั่งอูฐเที่ยวชมทะเลทรายได้เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคการค้าขายในเอเชียกลาง หมู่บ้านฮุนเดอร์ (Hunder Village) อยู่ห่างจากเมือง เลห์ ลาดักห์ ประมาณ 160 กิโลเมตร สามารถเดินทางผ่าน Khardung La Pass ซึ่งเป็นถนนที่รถสามารถวิ่งได้ระดับความสูงที่สุดในโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่น ๆ อย่าง ศรีนาการ์ และ คาร์กิล ก็อยู่ไม่ไกลนัก

- ตลาดหลักและย่านเมืองเก่า (Main Market & Old Town)
ย่านเมืองเก่าเลห์ ลาดักห์ หรือ Khar-Yog คือหัวใจทางวัฒนธรรมของ เลห์ ลาดักห์ มีพระราชวัง วัด และมัสยิดเก่าแก่มากมาย พร้อมบ้านดินอายุกว่า 400 ปี โครงการอนุรักษ์จาก THF และ UNESCO ช่วยฟื้นฟูเมืองให้น่าท่องเที่ยวยิ่งขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมเมืองผ่าน Heritage Walk ได้ ส่วนตลาดหลักของ เลห์ ลาดักห์ ก็ถูกปรับโฉมให้เดินสบาย พร้อมช้อป กิน และซึมซับวิถีชีวิตชาวท้องถิ่นได้อย่างเต็มร้อย

- พระราชวังเลห์ (Leh Palace)
พระราชวังเลห์ สร้างในศตวรรษที่ 17 โดย กษัตริย์ซิงเกย์ นัมเกล เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของเมืองเลห์และเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้วยสถาปัตยกรรมโบราณแบบอัดดิน ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของรัฐบาลอินเดียและเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่บอกเล่าเรื่องราวของราชวงศ์และวิถีชีวิตชาวเลห์ ลาดักห์ในอดีตได้เป็นอย่างดี

- พิพิธภัณฑ์เอเชียกลาง (Central Asian Museum)
Central Asian Museum เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในลาดักห์ที่สร้างขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวเส้นทางสายไหมและอิทธิพลของการค้าจากเอเชียกลาง ภายในมีวัตถุโบราณจากหลายภูมิภาค ทั้งบัลติสถาน , แคชเมียร์ , ทิเบต และลาดักห์ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุด ร้านอาหารในสวน และร้านขายของที่ระลึกในบริเวณพิพิธภัณฑ์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวด้วย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้อย่างลึกซึ้ง
- นัมเกล เซโม (Namgyal Tsemo)
Namgyal Tsemo คือป้อมปราการเก่าแก่บนยอดเขาใกล้เมืองเลห์ ลาดักห์ สร้างโดยพระเจ้าทาชี นัมเกียล ภายในมีวัดเก่าอายุเกือบ 600 ปี และพระศรีอริยเมตไตรยขนาดใหญ่ ที่นี่เป็นจุดชมวิวเมืองเลห์ ลาดักห์ ที่สวยงามมาก ทั้งยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านมักขึ้นมาขอพรจากเทพผู้พิทักษ์

ข้อควรระวังและการเตรียมตัวเที่ยวเลห์ ลาดักห์
เลห์ ลาดักห์ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมร่างกายให้พร้อมและระมัดระวังเรื่อง โรคแพ้ความสูง (Altitude Sickness) โดยมีข้อควรระวังและการเตรียมตัวก่อนเที่ยว ดังนี้
- เมื่อเดินทางถึงเลห์ ควรพักผ่อนอย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวให้คุ้นชินกับออกซิเจนที่เบาบาง
- แนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 3-4 ลิตร หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพราะจะทำให้อาการแพ้ความสูงรุนแรงขึ้น
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทางและพกยาสำคัญติดตัว เช่น ยาดม , ยาแก้ปวดหัว , ยาแก้แพ้ความสูง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักในวันแรก อย่าเพิ่งรีบเดินป่าหรือปีนเขาทันทีหลังเดินทางถึง
- ด้วยอากาศที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ควรเตรียมเสื้อผ้าหนา , หมวก , ถุงมือ , แว่นกันแดด และครีมกันแดด
- ควรดื่มน้ำดื่มที่สะอาด อาหารควรปรุงสุกใหม่ ๆ และควรพกยาดับกลิ่นหรือยาช่วยย่อยติดตัว เพราะบางคนอาจมีปัญหาท้องอืดหรือคลื่นไส้จากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ
- ควรเตรียมเงินสดให้เพียงพอ เพราะตู้ ATM มีอย่างจำกัดในพื้นที่
เลห์ ลาดักห์ คือ ดินแดนสุดพิเศษที่มีวิวภูเขาสูง ทะเลสาบสวย วัดเก่าแก่ วัฒนธรรมทิเบต และความสงบที่หาได้ยากในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เจอบทเรียนชีวิตและแรงบันดาลใจ การเดินทางมาที่ เลห์ ลาดักห์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเที่ยว แต่คือการเดินทางข้ามศักยภาพชีวิตผ่านอากาศที่เบาบาง เย็นจัด และอารมณ์ที่ลุ่มลึกอย่างไม่คาดคิด .. เตรียมตัวให้พร้อม ลุยไปด้วยใจและเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ รับรองเลยว่า ‘สักครั้งในชีวิต’ ที่นี่จะเปลี่ยนมุมมองการเที่ยวของคุณไปตลอดกาล
บทความ พาสปอร์ตหายระหว่างไปเที่ยวที่ต่างประเทศ ต้องทำอย่างไร
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ