9 จุดควรเช็กสภาพรถ ก่อนขับรถเดินทางไกล ถ้าไม่อยากรถเสียระหว่างทาง

9 จุดควรเช็กสภาพรถ ก่อนขับรถเดินทางไกล ถ้าไม่อยากรถเสียระหว่างทาง

เมื่อถึงวันหยุดยาวๆ หลายๆ คนต้องเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด เพื่อกลับบ้านไปหาครอบครัว บ้างก็ขับรถพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ไกลกรุงเทพฯ หาเวลาได้พักผ่อนกับคนที่คุณรัก เมื่อเดินทางไกลนานๆ สิ่งสำคัญความปลอดภัยและความราบรื่นในการเดินทาง วันนี้ตรีเพชรอินชัวรันส์มีวิธีตรวจเช็ครถก่อนออกเดินทางไกลมาฝากทุกคน ก่อนขับรถเดินทางไกล ควรตรวจเช็คสภาพรถอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่ารถพร้อมใช้งานและปลอดภัยสำหรับการเดินทางไกล โดยควรตรวจเช็คอย่างน้อย 8 จุด จะได้ไม่ต้องกังวลกับปัญหารถเสียระหว่างทางการเดินทาง

9 จุดควรเช็กสภาพรถ ก่อนขับรถเดินทางไกล ถ้าไม่อยากรถเสียระหว่างทาง-1

จุดที่ 1 ตรวจเช็คแบตเตอรี่

หัวใจหลักของการสตาร์ทเครื่องยนต์คือแบตเตอรี่ ตรวจดูสภาพของแบตเตอรี่ ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ ตรวจสอบความแน่นของขั้วแบตและฉนวนหุ้มสาย หมั่นตรวจเช็คทำความสะอาดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบต ควรตรวจสอบระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด หากพบว่าระดับน้ำกลั่นต่ำควรเติมให้เต็ม

จุดที่ 2 ล้อและยางรถยนต์

เป็นอีกจุดที่สำคัญมากๆ เพราะอุบัติเหตุส่วนหนึ่งบนท้องถนน เกิดจากยางระเบิดขณะขับขี่ ดังนั้นยางที่ดีต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ไม่รั่ว ไม่ซึม ยางไม่แตกลายงา มีดอกยางเพียงพอ วิธีตรวจสอบความลึกดอกยางว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัยหรือไม่ โดยยางรถยนต์ควรมีดอกยางลึกอย่างน้อย 1.6 มิลลิเมตร หากดอกยางต่ำกว่า 1.6 มิลลิเมตร ควรเปลี่ยนยางใหม่ และตรวจสอบลมยางให้เหมาะสมกับขนาดยางตามคู่มือประจำรถยนต์กำหนด
ในส่วนของล้อรถยนต์ควรอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่คด ไม่เบี้ยว และจุดสำคัญ อย่าลืมเช็คน็อตล้อด้วยนะ ว่าขันแน่นหรือไม่

9 จุดควรเช็กสภาพรถ ก่อนขับรถเดินทางไกล ถ้าไม่อยากรถเสียระหว่างทาง-2

จุดที่ 3 เช็คช่วงล่าง

ตรวจเช็คด้วยการลองขับบนถนนเรียบทางตรง ลองสังเกตพวงมาลัยว่าตรงหรือไม่ หากพวงมาลัยไม่ตรงควรนำรถไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ หากมีอาการสั่นไหวของรถขณะขับขี่ ควรนำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการใกล้บ้านทันที
พวกชิ้นส่วนต่างๆ ของช่วงล่าง เช่นลูกหมาก หากขับทางขรุขระแล้วมีเสียงกุกกัก ควรนำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการให้ช่างแก้ไขโดยด่วน
ระบบโช้คอัพก็เช่นกัน ให้ช่างตรวจเช็คคราบน้ำมันบริเวณแกนโช้ค ว่ามีอาการรั่วซึมแตกหรือไม่ เพราะระบบโช้คอัพมีผลต่อช่วงล่างทั้งหมดของการทรงตัวขณะขับขี่

จุดที่ 4 เช็คระดับน้ำมันเบรก และ ระบบเบรก

หลายท่านเข้าใจว่าหากน้ำมันเบรกหาย เราต้องเติมน้ำมันเบรกเพื่อให้อยู่ในระดับปริมาณที่พอดี แต่ท่านทราบไหมว่าระบบเบรกความเป็นจริงแล้วคือระบบปิด ความหมายก็คือน้ำมันเบรกจะอยู่แต่ภายในระบบเบรก จะไม่มีการละเหยเหมือนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าผ้าเบรกไม่สึก หรือถ้าไม่มีจุดไหนรั่ว น้ำมันเบรกจะไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ดังนั้นหากรถเราน้ำมันเบรกหาย อย่าเพิ่งเติมครับ เราต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าน้ำมันเบรกหายไปได้อย่างไร และประสิทธิภาพการเบรกรถลดลง ควรนำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการทันที

จุดที่ 5 เช็คระบบไฟส่องสว่าง

ควรตรวจสอบทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอก ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟหรี่ และไฟฉุกเฉิน จะต้องทำงานได้ครบทุกจุดเป็นปกติ เมื่อเดินทางช่วงเวลากลางคืนถนนต่างจังหวัดไฟข้างทางน้อย ระบบไฟส่องสว่างถือว่าจำเป็นมากในการเดินทาง หากพบปัญหาควรเปลี่ยนหลอดไฟหรือแก้ไขให้ใช้งานได้ทันที

จุดที่ 6 น้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่องถือเป็นสิ่งที่จำเป็นของระบบกลไกต่างๆ ของเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องที่ดี จะต้องผ่านการใช้งานไม่ควรเกินระยะกิโลเมตรของคู่มือการใช้รถกำหนด
ระดับน้ำมันเครื่องควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเราสามารถตรวจเช็คได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง และขณะเดินทางควรมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถไว้อย่างน้อย 1 ลิตร เผื่อไว้ในยามฉุกเฉิน

9 จุดควรเช็กสภาพรถ ก่อนขับรถเดินทางไกล ถ้าไม่อยากรถเสียระหว่างทาง-3

จุดที่ 7 เช็คหม้อน้ำ ท่อยาง และ ระบบหล่อเย็น

ควรตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ ท่อยาง และระบบหล่อเย็น เพราะถือเป็นระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์เพราะด้วยความร้อนสะสมในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน บวกกับอุณหภูมิภายนอกรถมีอากาศร้อน ถ้าระบบระบายความร้อนได้ไม่ดีหรือมีปัญหา อาจจะทำให้เครื่องยนต์น็อคได้
ดังนั้น ควรตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักและหม้อน้ำ เช็คการทำงานของพัดลมหม้อน้ำและมอเตอร์ ตรวจสอบรอยรั่วของหม้อน้ำ ท่อยาง และข้อต่อส่วนต่างๆ หากตรวจพบว่ามีน้ำไหลซึม ควรนำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการเพื่อแก้ไขโดยด่วน

จุดที่ 8 ที่ปัดน้ำฝน

ควรตรวจสอบสภาพใบปัดน้ำฝนว่าสามารถใช้งานได้ดีหรือไม่ หากใบปัดน้ำฝนฉีกขาดหรือแตกหัก ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่

จุดที่ 9 ชุดเครื่องมือประจำรถ

ควรเตรียมชุดเครื่องมือประจำรถสำหรับใช้ในยามฉุกฉุกเฉิน เช่น ล้อยางอะไหล่, แม่แรง, เครื่องมือช่าง, ชุดเครื่องมือในการถอดล้อ, ที่เติมลมฉุกเฉิน, สายพ่วงแบตเตอรี่, สายลากรถ,ไฟฉาย, น้ำดื่ม, อาหาร และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสิ่งของทั้งหมดควรมีติดรถไว้ จะได้อุ่นใจเมื่อขับรถเดินทางไกล “มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี”

และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น รถก็เหมือนคนที่คุณรักนั่นแหละ ต้องการความดูแลเอาใจใส่
หากพบอะไรผิดปกติ ควรรีบแก้ไขทันที เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราเองและเพื่อนร่วมทางทุกๆคน และที่สำคัญ “ตั้งสติตอนขับรถ เพื่อลดอุบัติเหตุ” การตรวจเช็คสภาพรถก่อนเดินทางไกลจะช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจในความปลอดภัยของการเดินทาง และสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย ซึ่งถือเป็นข้อมูลดี ๆ ที่น่าจะช่วยให้ทุกคนสามารถควบคุมอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ส่วนใครที่กำลังสนใจซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แต่ยังต้องการสอบถามเบี้ยประกัน รวมถึงรายละเอียดความคุ้มครองทั้งหมด ก็สามารถให้ตรีเพชรอินชัวรันส์เป็นผู้ดูแลในการเลือกแบบประกันภัยรถยนต์ที่ตรงใจคุณมากที่สุด เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้