10 ตัวอย่าง Passive Income ที่เหมาะกับคนไทย

เชื่อว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาทุกคนต้องรู้จักกับคำว่า Passive Income , Side Hustle หรือ การสร้างรายได้เสริมเพิ่มจากงานประจำที่มีอยู่โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นอาชีพอะไร เพียงแต่เวลาที่ใช้ในการทำอาชีพเสริมจะต้องไม่กระทบกับเวลาในการทำอาชีพหลัก ไม่ว่าจะเป็น การลงทุน , การใช้ความรู้ , ความสามารถที่มีอยู่แล้ว หรือแม้แต่การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ก็สามารถที่จะสร้างรายได้ในรูปแบบ Passive Income ได้ จนนำไปสู่อิสระภาพทางการเงินโดยที่ไม่ต้องพึ่งพางานประจำเพียงอย่างเดียว วันนี้ขอแนะนำ 10 วิธีสร้าง Passive Income ที่เหมาะกับคนไทย ไม่ว่าคุณจะมีเงินลงทุนมากหรือน้อยก็สามารถเริ่มต้นได้

1. ปล่อยเช่าคอนโดหรือบ้าน

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าเป็นวิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income ที่มั่นคง โดยเฉพาะในทำเลที่มีความต้องการเช่าสูง เช่น ใจกลางเมือง , ใกล้มหาวิทยาลัย , แนวรถไฟฟ้า การปล่อยเช่าคอนโดหรือบ้านสามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับผู้ลงทุนได้อย่างต่อเนื่องและมีโอกาสที่ทรัพย์สินจะเพิ่มมูลค่าในระยะยาว อย่างไรก็ตามการลงทุนประเภทนี้จำเป็นต้องมีเงินทุนและการบริหารจัดการที่ดี ตั้งแต่การคัดเลือกทำเลของอสังหา , คัดเลือกผู้เช่า , การดูแลรักษาทรัพย์สิน ไปจนถึงการวางแผนภาษีและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ควรศึกษาแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เพื่อให้สามารถกำหนดราคาค่าเช่าได้เหมาะสมและลดความเสี่ยงจากการไม่มีผู้เช่าในระยะยาว การมีการจัดการที่ดีจะช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าและเป็นแหล่งรายได้ที่ยั่งยืน

2. ลงทุนในหุ้นปันผล (Dividend Stock)

การลงทุนในหุ้น จำเป็นที่จะต้องอาศัยความรู้และเวลาในการศึกษาและคักกรองหุ้น โดยเฉพาะหุ้นปันผล ซึ่งเป็นหุ้นที่นักลงทุนหลายคนต่างจับจ้อง เพราะเป็นวิธีที่นักลงทุนสามารถรับรายได้จากเงินปันผลของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ หุ้นปันผลมักเป็นหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่น ธนาคาร , บริษัทพลังงาน หรือธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความต้องการในตลาดตลอดเวลา นักลงทุนสามารถเลือกหุ้นที่มี Dividend Yield สูงและแนวโน้มการเติบโตที่ดีเพื่อให้ได้รับกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องและสามารถนำเงินปันผลไปลงทุนต่อ (Dividend Reinvestment) เพื่อสร้างพลังของดอกเบี้ยทบต้น นอกจากนี้การลงทุนในหุ้นปันผลยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นเติบโต (Growth Stock) เพราะราคาหุ้นมักมีความผันผวนต่ำกว่า อย่างไรก็ตามควรศึกษาข้อมูลของบริษัทที่ลงทุนอย่างละเอียดและกระจายความเสี่ยงโดยถือครองหุ้นหลายตัวในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน

3. ลงทุนในกองทุนรวมที่จ่ายเงินปันผล

หากคุณไม่มีเวลาที่จะศึกษาหุ้นรายตัว การลงทุนในกองทุนรวมที่จ่ายเงินปันผลเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง กองทุนรวมลักษณะนี้จะนำเงินของนักลงทุนไปลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผล หรือในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น ตราสารหนี้ , สลากออมสิน , อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะมีผู้จัดการกองทุนที่มีความรู้ความสามารถในการดูแล นักลงทุนจะได้รับเงินปันผลเป็นระยะโดยไม่ต้องบริหารพอร์ตเอง กองทุนรวมปันผลเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอและต้องการลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นรายตัว อย่างไรก็ตามควรเลือกกองทุนที่มีประวัติการจ่ายปันผลดี ค่าธรรมเนียมต่ำและมีนโยบายการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายของคุณ การลงทุนในกองทุนรวมช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง พร้อมเป็นหนึ่งในวิธีกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วย

4. สร้างคอร์สออนไลน์และขายบนแพลตฟอร์ม

หากคุณมีความรู้หรือทักษะพิเศษ เช่น การตลาดออนไลน์ , การเขียนโปรแกรม , การออกแบบกราฟิก ฯลฯ การสร้างคอร์สออนไลน์เพื่อสอนให้แก่ผู้สนใจเป็นวิธีที่สามารถสร้าง Passive Income ได้อย่างดี เมื่อคุณสร้างคอร์สเสร็จแล้ว คุณสามารถนำไปขายบนแพลตฟอร์ม อย่าง Udemy , Skillshare , Teachable ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีรายได้จากการขายโดยไม่ต้องสอนซ้ำ การทำคอร์สออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จต้องมีการวางแผนที่ดีตั้งแต่การเลือกหัวข้อที่มีความต้องการสูง , การออกแบบบทเรียนให้เข้าใจง่าย และการตลาดเพื่อโปรโมทคอร์สของคุณ การใช้ SEO และการทำโฆษณาออนไลน์สามารถช่วยเพิ่มยอดขาย เมื่อคอร์สได้รับความนิยม รายได้จากการขายจะเข้ามาเรื่อย ๆ โดยที่คุณแทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม

5. ทำบล็อกหรือเว็บไซต์ให้ติดโฆษณา

การสร้างบล็อกหรือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้าง Passive Income คุณสามารถที่จะเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องที่คุณสนใจ เช่น การเงิน , สุขภาพ , ไลฟ์สไตล์ แล้วนำเว็บไซต์ของคุณไปสมัคร Google AdSense เพื่อให้โฆษณาแสดงบนเว็บไซต์ พร้อมรับรายได้จากการคลิกโฆษณา นอกจากนี้ยังสามารถทำเงินจาก Affiliate Marketing หรือรับสปอนเซอร์จากแบรนด์ต่าง ๆ ได้ การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google (SEO) เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มทราฟฟิกและสร้างรายได้จากโฆษณาให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการสร้างรายได้จากบล็อกต้องใช้เวลาและความพยายามในการผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ

6. YouTube และการทำคอนเทนต์วิดีโอ

การสร้างคอนเทนต์วิดีโอบน YouTube เป็นวิธีที่สามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income ได้ดีหากทำอย่างถูกต้อง คุณสามารถสร้างช่องในหัวข้อที่คุณสนใจ เช่น รีวิวสินค้า , การท่องเที่ยว , การให้ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ฯลฯ เมื่อช่องของคุณได้รับความนิยมและผ่านเกณฑ์ของ YouTube คุณสามารถสร้างรายได้จากโฆษณา (YouTube AdSense) รวมถึงการรับสปอนเซอร์ , การขายสินค้า และ Affiliate Marketing อย่างไรก็ตามการทำคอนเทนต์วิดีโอต้องใช้เวลาในการสร้างฐานผู้ติดตามและต้องผลิตวิดีโอที่น่าสนใจสม่ำเสมอ รายได้ของคุณก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

7. ขายภาพถ่ายหรือกราฟิกออนไลน์

หากคุณมีความสามารถในการถ่ายภาพหรือออกแบบกราฟิก คุณสามารถสร้าง Passive Income ได้โดยการขายภาพถ่ายหรือกราฟิกบนแพลตฟอร์มอย่าง Shutterstock , Adobe Stock , Freepik เป็นต้น การขายภาพออนไลน์เหมาะสำหรับทั้งช่างภาพมือสมัครเล่นและมืออาชีพ สิ่งสำคัญคือการเลือกหัวข้อที่เป็นที่ต้องการในตลาด เช่น ธรรมชาติ , เทคโนโลยี , ธุรกิจ หรือไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ควรใช้เทคนิค SEO เพื่อให้ภาพของคุณติดอันดับการค้นหาและอัปโหลดภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย รายได้จากการขายภาพอาจเริ่มจากน้อย แต่เมื่อมีคอลเลกชันภาพจำนวนมาก รายได้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แบบอัตโนมัติ

8. พัฒนาแอปพลิเคชันหรือปลั๊กอินขาย

ถ้าคุณมีทักษะด้านการเขียนโปรแกรม การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือปลั๊กอินสามารถเป็นแหล่งรายได้ที่ดีได้ คุณสามารถพัฒนาแอปสำหรับมือถือและเผยแพร่บน App Store หรือ Google Play โดยสามารถสร้างรายได้จากการขายแอป หรือการใช้โมเดลโฆษณาและการสมัครสมาชิก นอกจากนี้การพัฒนาปลั๊กอินสำหรับซอฟต์แวร์ยอดนิยม เช่น WordPress หรือ Shopify ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะปลั๊กอินที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์

9. Affiliate Marketing (การตลาดแบบพันธมิตร)

การทำ Affiliate Marketing เป็นวิธีที่สามารถสร้าง Passive Income ได้โดยที่คุณไม่ต้องมีสินค้าเป็นของตัวเอง เพียงแค่โปรโมทสินค้าหรือบริการของแบรนด์ต่าง ๆ ผ่านลิงก์แนะนำของคุณ เมื่อมีคนคลิกและซื้อสินค้าผ่านลิงก์ของคุณ คุณจะได้รับค่าคอมมิชชัน แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับ Affiliate ได้แก่ Lazada Affiliate , Shopee Affiliate และ Tiktok Affiliate การทำ Affiliate Marketing ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ เช่น บทความ , รีวิว , วิดีโอที่ให้คุณค่าแก่ผู้ชมและใช้กลยุทธ์ SEO หรือโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มยอดคลิกและการซื้อ

10. ขาย E-book หรือ Template ดิจิทัล

หากคุณมีความสามารถในการเขียนหรือออกแบบ คุณสามารถสร้าง Passive Income ได้จากการขาย E-book หรือ Template ดิจิทัล เช่น เทมเพลต PowerPoint , Resume หรือกราฟิกสำหรับโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับการขายสินค้าดิจิทัล ได้แก่ Gumroad , Etsy หรือ Sellfy การสร้าง E-book หรือ Template ที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาดเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้คุณยังสามารถทำการตลาดโดยใช้ SEO, โฆษณาออนไลน์ หรือการโปรโมทผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

การสร้าง Passive Income มีหลายวิธีที่สามารถทำได้ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะมีทักษะด้านอสังหาริมทรัพย์ การลงทุน เทคโนโลยี หรือการสร้างสรรค์คอนเทนต์ก็สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเองและมีความตั้งใจจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จและมีรายได้แบบยั่งยืนในระยะยาว

บทความ วิธีจัดการการเงินในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ