14 ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน กับ เที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อนดีอย่างไร

ฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม กิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลายและที่พลาดไม่ได้กับงานแสดงดอกไม้ไฟและงานเต้นรำแบบพื้นบ้านหรือ ทั้งเทศกาลพื้นเมืองสุดอลังการที่มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่และสืบทอดกันมาหลายศตวรรษ จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างแท้จริง หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 14 ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนยอดนิยม พร้อมรีวิว วิธีการเดินทางและเหตุผลว่าทำไมญี่ปุ่นฤดูร้อนจึงเป็นช่วงเวลาท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ

1. ฟูจิซัง (Mount Fuji)  

ภูเขาไฟฟูจิ หรือที่หลายคนเรียกว่า ‘ฟูจิซัง’ ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของญี่ปุ่น ที่ยืนสวยเด่นเป็นสง่า สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินเมื่อเข้าสู่น่านฟ้าของประเทศญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงเดียวของปีที่นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นสู่ยอดเขาได้อย่างปลอดภัย โดยเส้นทางปีนเขาจะเปิดในช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม อากาศจะไม่หนาวเกินไปและท้องฟ้าแจ่มใสทำให้เห็นวิวได้ไกลสุดลูกหูลูกตา สิ่งที่ต้องเตรียมคือสภาพร่างกายจะต้องแข็งแรง เพราะยิ่งขึ้นไปสูงมากเท่าไรปริมาณออกซิเจนก็จะลดน้อยลง ประกอบกับบนเขาอุณหภูมิประมาณ 5-8 องศาและมีลมแรง

การเดินทาง : จากโตเกียว ขึ้นรถไฟ JR Chuo Line ไปสถานี Otsuki แล้วต่อสาย Fujikyu Railway ไปยังสถานี Kawaguchiko จากนั้นขึ้นรถบัสสู่สถานี 5th Station ของฟูจิ

ที่ตั้ง : จังหวัดยามานาชิ และชิซูโอกะ

2. เทศกาลกิอง (Gion Matsuri), เกียวโต 

หนึ่งในเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นที่มีตั้งแต่ปี ค.ศ.869 มีขบวนแห่รถลากโบราณขนาดใหญ่ ตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมผู้คนจำนวนมากที่ร่วมใจกันแต่งกายด้วยชุดยูกาตะ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารนานาชนิดให้ได้ลิ้มลอง โดยเทศกาลกิองมัตสึรินี้จัดขึ้นตลอดเดือนกรกฎาคม โดยเฉพาะวันที่ 17 และ 24 จะมีขบวนแห่หลักที่อลังการมาก ช่วงเวลากลางคืนจะมีการเฉลิมฉลอง นักท่องเที่ยวสามารถไปถ่ายรูปคู่กับขบวนรถแห่ที่สวยงามเหล่านั้นได้    

การเดินทาง : ลงที่สถานี Kyoto แล้วนั่งรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ไปยังสถานี Shijo หรือ Karasuma-Oike

ที่ตั้ง : งานเฉลิมฉลองนี้จะจัดขึ้นใจกลางเมืองเกียวโต

3. ฟาร์มลาเวนเดอร์ฟูราโนะ (Furano Lavender Farm), ฮอกไกโด 

ต้องยอมรับว่าในฤดูร้อนของญี่ปุ่นเป็นฤดูที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะหากใครที่ได้ไปเยือนฮอกไกโดจะต้องไม่พลาดกับทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่บานสะพรั่งเต็มภูเขาในเดือนกรกฎาคม พร้อมกลิ่นหอมและทัศนียภาพโรแมนติก โดยดอกลาเวนเดอร์จะบานเต็มที่ในช่วงต้นถึงปลายกรกฎาคม เหมาะแก่การถ่ายภาพ โดยเฉพาะที่ฟาร์มโทมิตะซึ่งมีฉากหลังเป็นเทือกเขาโทคาชิ ดอกลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งตั้งแต่ปลายมิถุนายนถึงต้นสิงหาคม นอกจากลาเวนเดอร์ ยังมีดอกไม้อื่น ๆ เช่น ป๊อปปี้ , ลิลลี่ , ทานตะวัน ให้ชมตลอดฤดูร้อน นอกจากนี้ในช่วงกลางคืนยังมีการจุดพลุและดอกไม้ไฟจำนวนมากอีกด้วย

สำหรับสถานที่ที่นิยมไปชมความงามของดอกลาเวนเดอร์ในเมืองฟูราโนะ ได้แก่ ฟาร์มโทมิตะ – เขาโฮคุเซ – ​​​​สวน​​​​ฮิโนเดะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก  

การเดินทาง : จากสถานี Sapporo นั่งรถไฟ JR ไปยังสถานี Furano หรือ Nakafurano แล้วเดินทางต่อด้วยแท็กซี่หรือรถเช่า

ที่ตั้ง : เมืองฟูราโนะ จังหวัดฮอกไกโด

4. ชายหาดโอกินาว่า (Okinawa Beaches) 

หน้าร้อนทั้งที หากไม่ได้ไปชมความงามของทะเล หาดทรายและบิกินี่ถือว่าพลาด โดยเฉพาะชายหาดที่ขึ้นชื่อของโอกินาว่าที่มีให้เที่ยวชมความงามมากกว่าสิบแห่ง ที่นี่คุณจะได้พบกับน้ำทะเลสีฟ้าใสราวกับคริสตัล หาดทรายขาว และแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การดำน้ำตื้นและพักผ่อน หน้าร้อนที่โอกินาว่าเป็นฤดูที่ทะเลสวยที่สุด   

การเดินทาง : บินจากโตเกียวหรือโอซาก้าไปสนามบินนาฮะ (Naha Airport) แล้วเช่ารถเที่ยวหาดต่าง ๆ เช่น Zanpa Beach-Toguchi Beach Tomari Gusuku Park และ Uken Beach

ที่ตั้ง : จังหวัดโอกินาว่า

5. เทศกาลดอกไม้ไฟฮานาบิ (Hanabi Taikai) 

ฤดูร้อนคือช่วงของเทศกาลดอกไม้ไฟทั่วญี่ปุ่น เช่น Sumidagawa Fireworks Festival ที่โตเกียว หรือ Naniwa Yodogawa Fireworks ที่โอซาก้า ดอกไม้ไฟญี่ปุ่นมีชื่อเสียงด้านความสวยงามและการแสดงที่อลังการ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทุกวัย ไฮไลท์ของงานเทศกาลดอกไม้ไฟจะเป็นอื่นมิได้นอกจากเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำสุมิดะที่มีการจัดอย่างยิ่งใหญ่และเป็นประจำในทุก ๆ ปี สำหรับใครที่เตรียมตัวจะไปชมความงามของเทศกาลดอกไม้ไฟนี้ควรศึกษาเส้นทางและการจราจรตลอดจนจองที่พักล่วงหน้าให้ดี เพราะปริมาณคนไปชมความสวยงามของดอกไม้ไฟมีจำนวนมาก ต้องใช้การเดินเป็นหลัก  

การเดินทาง : แตกต่างกันไปตามสถานที่ เช่น หากชมที่ Sumidagawa ให้ลงสถานี Asakusa ในโตเกียว 

ที่ตั้ง : บริเวณแม่น้ำสำคัญภายในตัวเมือง ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะโตเกียวและโอซาก้า

6. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) 

หนึ่งในทะเลสาบที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ เป็นจุดชมวิวฟูจิซังที่สวยงามที่สุด มีทั้งรีสอร์ต , ออนเซ็น , พิพิธภัณฑ์ , สวนดอกไม้ และกิจกรรมล่องเรือ เหมาะกับการพักผ่อน ถ่ายภาพ ล่องเรือ หรือปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่อากาศจะเย็นสบาย ทำให้มองวิวภูเขาฟูจิชัดเจนที่สุดและยังมีทุ่งดอกไม้ เช่น ทุ่งซากุระให้ได้รับชม 

การเดินทาง : เดินทางจาก สถานี Shinjuku Sta. ขึ้นรถไฟ JR สาย Kaiji ไปลงสถานี Otsuki Sta. ต่อด้วยรถไฟสาย Fujikyu Railway ไปลงสถานี Kawaguchiko Sta. จากนั้นเดินต่อประมาณ 5 นาที

ที่ตั้ง : Fuji Kawaguchiko-machi, Minami Tsuru-gun, Yamanashi

7. นิกโก้ (Nikko) เมืองมรดกโลก 

เมืองประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว เหมาะแก่การไปเที่ยวแบบวันเดย์ทริป สามารถนั่งรถไฟไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมืองนิกโก้มีศาลเจ้าและวัดที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกอยู่หลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าโทโชกุ ที่งดงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศาลเจ้าฟุตาระซัง วัดรินโนจิรวมถึงธรรมชาติที่สวยงาม เช่น ทะเลสาบชูเซ็นจิ , น้ำตกเคะงน และยูนิชิงาวะ ออนเซ็นที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาเขียวขจี   

การเดินทางและที่ตั้ง : จากสถานีรถไฟ อาซากุสะ(Asakusa) มีรถไฟ Tobu ที่จะวิ่งตรงไปที่ Nikko 

ที่ตั้ง : นิกโก ตั้งอยู่ใน จังหวัดโทชิกิ ภูมิภาคคันโต (Kanto Region) ทางทิศตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น

8. โทคาชิ โอบิฮิโระ (Tokachi, Obihiro), ฮอกไกโด 

เมืองแห่งขนมหวานญี่ปุ่นและผลิตภัณฑ์นมชั้นเยี่ยม มีทัวร์ชิมขนมชื่อดัง เช่น Hokkaido Fromage ที่ใช้ชีสท้องถิ่นและขนมหวานหลากหลายชนิด ฤดูร้อนคือฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตที่สดใหม่ เหมาะสำหรับลิ้มลองของหวานท้องถิ่นอย่าง Marusei Butter Sandwich ซึ่งเป็นการนำไวท์ช็อกโกแลตกับเนยที่ผลิตจากนมฮอกไกโด 100% รวมถึงลูกเกด บัตเตอร์ครีม มาประกบด้วยขนมบิสกิต 2 แผ่น ถือเป็นขนมไฮไลท์ของร้าน Rokkatei ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องมาลิ้มลอง นอกจากนี้ยังมี Basha Bar การนั่งรถม้าชมเมืองเพื่อชมความงามของเมืองในแบบ 360 องศา เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มพื้นเมืองตลอดการเดินทาง

การเดินทาง : เดินทางจากเมืองซัปโปโร โดยสารรถไฟด่วนพิเศษ Tokachi หรือ Ozora จากสถานี Sapporo ไปลงที่สถานี Obihiro 

ที่ตั้ง : ที่ราบโทคาจิ (Tokachi) อยู่ทางตอนกลางของฮอกไกโด

9. คามิโคจิ (Kamikochi), จังหวัดนากาโนะ 

มหัศจรรย์เส้นทางธรรมชาติที่ด้รับการยกย่องว่าเป็นเทือกเขาแอลของประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในจุดหมายปลายทางของคนรักธรรมชาติ โดยเฉพาะการเดินชมความงามของธรรมชาติท่ามกลางหุบเขาเขียวขจี ทะเลสาบสีเขียวใส และสะพานไม้คัปปะ ที่แม้จะเป็นฤดูร้อนแต่อากาศก็ยังเย็นสบาย คามิโคจิจะเปิดเส้นทางให้ท่องเที่ยวระหว่างช่วง กลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤศจิกายน เท่านั้น 

การเดินทาง : จากสถานี Matsumoto นั่งรถบัสตรงไปยัง Kamikochi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ที่ตั้ง : Azumi, Matsumoto, Nagano 390-1516 ญี่ปุ่น

10. เทศกาลเนบุตะ (Nebuta Matsuri), จังหวัดอาโอโมริ

เทศกาลเนบุตะ อาโอโมริ คือเทศกาลฤดูร้อนที่จัดขึ้นทุกวันที่ 2 ของเดือนสิงหาคม ในงานจะพบกับขบวนแห่โคมไฟยักษ์ที่มีรูปนักรบ เทพเจ้า และสัตว์ในตำนาน พร้อมการแสดงตีกลองที่ตื่นตาตื่นใจ สัมผัสกับบรรยากาศและผู้คนและชาวเมืองต่างพากันใส่ชุดฮาเนะโตะออกมาร่วมในงานเดินขบวน ในช่วงเวลากลางคืนจะประดับด้วยโคมไฟสว่างไสว คืนวันสุดท้ายจะพบกับพลุและดอกไม้ไฟจำนวนมาก โดยใช้เวลาในการจุดมากกว่า 2 ชั่วโมง   

การเดินทาง : นั่งรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็นฮายะบุสะ จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ไปยังสถานีชินอะโอโมริ (Shin-Aomori Station) 

ที่ตั้ง: 1-1 Yanakawa, Aomori-shi, Aomori-ken

11. ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) 

เที่ยวชมหมู่บ้านมรดกโลกที่เก่าแก่ที่สุด มีบ้านกัสโชสึคุริหลังคามุงจากแบบดั้งเดิม ท่ามกลางหุบเขาและทุ่งนา ในจังหวัดกิฟู โดยในฤดูร้อนจะเห็นวิวเขียวขจีและบ้านโบราณที่ดูเงียบสงบ สวยงาม ดูมีชีวิตชีวา พร้อมมุมถ่ายรูปมากมาย ซึ่งจะมีความสวยงามที่แตกต่างจากฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ไฮไลท์ของที่นี่คือบ้านกัสโชสึคุริที่สร้างโดยปราศจากการใช้ตะปู เป็นการสร้างบ้านโดยอาศัยทักษะแบบโบราณ หลังคารูปทรงสามเหลี่ยมเพื่อให้หิมะและน้ำฝนไหลลงสู่พื้นด้านล่างอย่างรวดเร็ว และหลังคาไม่ต้องรับน้ำหนักของหิมะในช่วงฤดูหนาว

การเดินทาง : จากสถานี Tokyo Sta. ขึ้นรถไฟสาย Hokuriku Shinkansen ไปลงสถานี Toyama Sta. จากนั้นขึ้นรถบัส Nohi Bus ไปลง Shirakawa-go 

ที่ตั้ง : Shirakawa-go ตั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดกิฟุ

12. อาราชิยามะ (Arashiyama), เกียวโต  

เส้นทางป่าไผ่อันก้องโลกที่มีความเงียบสงบ สวยงาม ทางเดินสู่ วัดเท็นริวจิที่เป็นมรดกโลกและแม่น้ำโฮซุกาวะที่เหมาะกับการล่องเรือในฤดูร้อน ใครที่มาเยี่ยมชมเกียวโตจะต้องไม่พลาดกับการมาชมทางเดินที่โอบล้อมไปด้วยป่าไผ่ที่สูงชะลูดและมีอายุมากกว่าร้อยปี เพื่อเดินทางไปกราบไหว้สักการะและขอพรที่วัดเท็นริวจิ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง 

การเดินทาง : จากเกียวโตนั่งรถไฟ JR ไปสถานี Saga-Arashiyama

ที่ตั้ง : Ukyo-ku, Kyoto-shi, Kyoto-fu 

13. น้ำตกนาชิ (Nachi Falls), จังหวัดวากายามะ 

น้ำตกนาชิ (Nachi Fall) ตั้งอยู่ที่เมืองนาชิคัตสึอุระ จังหวัดวากายามะ เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความสูงถึง 133 เมตร ไหลลงมาจากป่าดึกดำบรรพ์อันศักดิ์สิทธิ์ สายน้ำแห่งนี้เชื่อกันว่ามีพลังบำบัดและเป็นยาอายุวัฒนะ นักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามใกล้ชิดได้ที่ศาลเจ้า Hirou Jinja ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้า Kumano Nachi Taisha และยังสามารถลองดื่มน้ำตกได้ด้วย

การเดินทาง : จากสถานี Shin-Osaka ขึ้นรถไฟ JR KUROSHIO ไปลงที่สถานี Kiikatsuura จากนั้นโดยสารรถ Kumano Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย Nachi no Taki-Me แล้วเดินต่อ 5 นาที

ที่ตั้ง : 8 Nachisan, Nachikatsuura, Higashimuro, Wakayama 

14. อุทยานอาโซะ (Mount Aso), คุมาโมโตะ 

ภูเขาไฟอาโซะ (Mount Aso) ตั้งอยู่ในจังหวัดคุมาโมโตะ บนเกาะคิวชู เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังคงคุกรุ่นอยู่จนถึงปัจจุบัน จุดเด่นคือปากปล่อง นาคาดาเกะ (Nakadake) ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้ง่ายทั้งทางรถยนต์และกระเช้าไฟฟ้า รอบ ๆ ภูเขาไฟอาโซะรายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าและหมู่บ้านชนบทญี่ปุ่นที่เงียบสงบ โดยเฉพาะ ทุ่งกว้างคุซะเซ็นริ (Kusasenri) ที่เต็มไปด้วยวัวและม้าและมีบริการขี่ม้าด้วย สำหรับผู้ที่รักการปีนเขาและต้องการชมวิวแบบพาโนรามา รวมถึงสามารถเดินไปจนถึงเนินเขา โคเมซูกะ (Komezuka) ซึ่งเป็นอีกจุดชมวิวที่สวยมาก 

การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ JR Aso มาลงที่สถานีขึ้นกระเช้าไฟฟ้าอะโซะซัง นิชิ จากนั้นนั่งกระเช้าต่อไปจนถึงจุดชมวิวที่ปากปล่องภูเขาไฟ หรือจะเดินไปก็ได้ 

ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติอาโซะ เกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น

ฤดูร้อนของญี่ปุ่นเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่ธรรมชาติ เทศกาล วัฒนธรรม ไปจนถึงอาหารและขนมหวาน ไม่ว่าคุณจะชอบปีนเขา เดินป่า ชมดอกไม้ไฟ หรือสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น ฤดูร้อนญี่ปุ่นคือช่วงเวลาที่คุณจะได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม