บินไปคุยงานต่างประเทศต้องทำประกันไหม
การเดินทางไปเจรจาธุรกิจต่างประเทศเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่นักธุรกิจหลายคนต้องเจอ การเดินทางแต่ละครั้งอาจมีจุดหมายปลายทางแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ไม่ต่างกันเลยก็คือความเสี่ยงหลายด้านที่มาพร้อมกับการเดินทาง เพราะฉะนั้นประกันการเดินทางจึงมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับนักธุรกิจ
ทำไมการทำประกันเดินทางจึงสำคัญสำหรับนักธุรกิจ
ประกันการเดินทาง (Travel Insurance) คือ ประกันภัยที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ สามารถแบ่งได้ตามลักษณะการซื้อ และแบ่งตามระยะเวลาคุ้มครอง
ประกันเดินทางแบบแบ่งตามลักษณะการซื้อ มี 2 รูปแบบ ได้แก่
1.แบบซื้อเอง
เป็นประกันภัยที่ผู้ซื้อเลือกซื้อเองตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดวันเดินทาง ระยะเวลา หรือทุนประกันที่ต้องการ ส่วนใหญ่มักมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมหลายด้าน ทั้งค่ารักษาพยาบาล , ค่าชดเชยอุบัติเหตุ , ค่าชดเชยทรัพย์สินสูญหาย เป็นต้น
2.แบบซื้อพ่วงกับตั๋วเครื่องบิน
ประกันภัยรูปแบบนี้เป็นการซื้อพ่วงกับตั๋วเครื่องบิน มีราคาถูก ความคุ้มครองส่วนใหญ่จะครอบคลุมกรณีเที่ยวบินล่าช้าหรือยกเลิก , ค่าชดเชยอุบัติเหตุ , ค่าชดเชยทรัพย์สินสูญหายระหว่างเดินทาง เป็นต้น
ส่วนการแบ่งประเภทตามระยะเวลาการคุ้มครอง มี 2 รูปแบบ ได้แก่
1.แบบรายครั้ง
ประกันแบบรายครั้งคือการซื้อประกันภัยสำหรับการเดินทางทริปเดียว มีกำหนดเวลาไป–กลับแน่นอน สามารถเลือกวันที่เดินทาง จำนวนวันที่ต้องการ และจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้อิสระ โดยประกันจะให้ความคุ้มครองตามระยะเวลาที่เราระบุ มีระยะคุ้มครองสูงสุด 180 วัน ในบางกลุ่มประเทศอย่างกลุ่มที่ต้องใช้วีซ่าเชงเก้น หากเดินทางกลับประเทศไทยแล้วระยะเวลาคุ้มครองจะสิ้นสุดลง
2.แบบรายปี
ประกันแบบรายปีคือการซื้อประกันเดินทางที่ให้ความคุ้มครองการเดินทางไป-กลับแบบไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในระยะเวลา 1 ปี แต่ละครั้งไม่เกิน 180 วัน โดยต้องเป็นการเดินทางไปยังประเทศที่บริษัทประกันให้ความคุ้มครอง ราคารวมจะคุ้มค่ากว่าการซื้อแบบรายครั้ง เหมาะกับคนที่ต้องเดินทางบ่อย เช่น นักท่องเที่ยวอาชีพ , ผู้ประกอบการ , นักธุรกิจ เป็นต้น
ประกันการเดินทางเป็นตัวช่วยคุ้มครองความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาเดินทางแต่ละทริป ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ค่าชดเชยเที่ยวบินล่าช้า , ทรัพย์สินสูญหาย , การยกเลิกเที่ยวบิน ไปจนถึงกรณีเสียชีวิตและการเคลื่อนย้ายร่างกลับประเทศไทย นอกจากนี้การเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางบางแห่งยังต้องใช้ประกันเดินทางประกอบการขอวีซ่า เพราะฉะนั้นสำหรับนักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปคุยงานบ่อย ๆ การทำประกันไว้ย่อมอุ่นใจกว่าแน่นอน
การเลือกประกันที่ครอบคลุมความต้องการของนักธุรกิจ
หากต้องการซื้อประกันการเดินทางสักเล่ม สิ่งที่นักธุรกิจต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกก็คือการเลือกประกันที่มีความคุ้มครองครอบคลุมความต้องการ โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่เลือก ควรให้ความคุ้มครอง ดังนี้
ประกันเดินทางสำหรับนักธุรกิจ ควรมีความคุ้มครองพิเศษอะไรบ้าง
นอกจากความคุ้มครองพื้นฐานที่ควรมีแล้ว นักธุรกิจควรเลือกประกันภัยที่มีความคุ้มครองพิเศษโดยเน้นย้ำว่ากรมธรรม์ที่เลือกควรครอบคลุมความเสี่ยงดังต่อไปนี้
1. คุ้มครองกรณีเปลี่ยนแปลงกําหนดการเดินทาง
ควรเลือกประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองกรณีที่เราต้องเปลี่ยนแปลงกำหนดการเดินทางกะทันหัน เช่น เกิดอุบัติเหตุ , เจ็บป่วย ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย รวมถึงครอบคลุมการยกเลิกเที่ยวบิน , เที่ยวบินล่าช้า หรือเหตุจากความล่าช้าอื่น ๆ ที่ทำให้กำหนดการเดินทางเปลี่ยนแปลงจนอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
2. คุ้มครองกรณีกระเป๋าเดินทางสูญหายหรือล่าช้า
สัมภาระของนักธุรกิจมีความสำคัญอย่างมากเพราะนอกจากเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ยังมีเอกสารสำคัญทางธุรกิจ เอกสารทางกฎหมาย หากสูญหายไปอาจส่งผลต่อการคุยงานได้ ดังนั้นควรทำประกันที่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเดินทางสูญหาย , ส่งกระเป๋าผิดสายการบิน หรือเกิดเหตุอื่นที่ทำให้สัมภาระของเราล่าช้ากว่ากำหนด
3. คุ้มครองกรณีถูกโจรกรรม
การเดินทางไปทำงานหรือใช้ชีวิตในต่างประเทศไม่ได้มีความปลอดภัย 100% เพราะไม่ว่าที่ไหนก็มีอาชญากรรมเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นนักธุรกิจควรมองหาประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองกรณีถูกจี้ , ปล้น , โจรกรรม เพื่อให้ครอบคลุมค่าชดเชยส่วนนี้ โดยบริษัทประกันส่วนใหญ่จะชดเชยให้ตามมูลค่าจริงของทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรม
การเดินทางไปคุยงานต่างประเทศไม่ได้เป็นแค่เพียงการเดินทางท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเพื่อจุดประสงค์อื่นต่างออกไปอย่างการเจรจาธุรกิจ เพราะฉะนั้นการทำประกันการเดินทางที่ครอบคลุมทุกความเสี่ยงจึงช่วยให้นักธุรกิจเดินทางได้อย่างมั่นใจ สบายใจ และอุ่นใจมากกว่าแน่นอน
ถ้าคิดถึงเรื่องประกัน TPIS ตรีเพชรอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ประกันภัย เป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันด้านสุขภาพ