ข้อดีข้อเสียของการซื้อของออนไลน์

การซื้อของออนไลน์ เป็นการช้อปปิ้งที่ให้ความสะดวกสบาย มีสินค้าให้เลือกมากมาย สินค้าหลายอย่างมีราคาถูกกว่าไปซื้อตามร้าน แต่ก็แน่นอนว่าทุกอย่างมีทั้งข้อดีและเรื่องที่ต้องระวัง ซึ่งในวันนี้เราจะมาดูทั้งข้อดีและข้อจำกัดของการซื้อของออนไลน์อย่างรอบด้าน

ข้อดีของการซื้อของออนไลน์

1. ความสะดวกสบาย 

นี่คือข้อดีแรกที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงการซื้อของออนไลน์ เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็ซื้อของที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต ก็สั่งของได้ทันทีโดยไม่ต้องเดินทางออกจากบ้านไปเลือกซื้อตามร้านให้เสียเวลาและค่าเดินทาง

2. ความหลากหลายของสินค้า 

แพลตฟอร์มออนไลน์มีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภทและจากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในประเทศหรือต่างประเทศ ทำให้ผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบคุณภาพ ราคา และรีวิวได้ในที่เดียว ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หากใครเข้าแพลตฟอร์มอย่าง Lazada หรือ Shopee เป็นประจำก็จะเห็นว่าสินค้าประเภทเดียวกันมีให้เลือกหลายร้าน นอกจากนี้ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ก็มีแพลตฟอร์มให้เลือกซื้อของออนไลน์ได้เช่นกัน รวมถึงการซื้อผ่านไลฟ์ในโซเชียลต่าง ๆ 

3. หลายอย่างราคาถูกกว่าการไปซื้อจากร้าน และยังมีโปรโมชั่นอีกมากมาย

ร้านค้าออนไลน์มักมีต้นทุนที่ต่ำกว่าร้านค้าทั่วไป ทำให้สามารถเสนอราคาที่ดึงดูดใจ พร้อมโปรโมชั่น เช่น ส่วนลดพิเศษ , โค้ดส่งฟรี หรือกิจกรรม Flash Sale ที่ให้ราคาถูกกว่าหน้าร้านอย่างมาก ตัวอย่างที่เห็นชัด เช่น โปรโมชั่นวันที่ 9 เดือน 9 , วันที่ 11 เดือน 11 ฯลฯ

4. รีวิวจากผู้ใช้จริง 

เว็บไซต์หรือแอปช้อปปิ้งส่วนใหญ่มีระบบรีวิวสินค้าและคะแนนความพึงพอใจจากผู้ซื้อคนก่อน ๆ ซึ่งช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้ว่าควรซื้อสินค้าชิ้นนั้นหรือไม่ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะได้ของไม่มีคุณภาพ 

1. ไม่ได้สัมผัสสินค้าจริงก่อนซื้อ 

สิ่งนี้คือความต่างที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับการไปซื้อของตามร้านที่คุณสามารถทดลองจับ ดูขนาด สี หรือคุณภาพของสินค้าได้โดยตรง การซื้อออนไลน์ต้องพึ่งพาภาพถ่ายและคำอธิบายของร้านค้า ซึ่งอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งสินค้าที่มักจะเจอปัญหาหลังใช้งาน ได้แก่ รองเท้า เพราะรองเท้ามีหลากหลายรูปทรง รวมถึงวัสดุที่ใช้ก็เช่นกัน เมื่อซื้อแล้วสวมใส่ไม่พอดี อาจจะต้องยกให้คนอื่นไปเลย หรือนำไปขายต่อ

2. เสี่ยงได้สินค้าไม่ตรงปก  

ปัญหาสินค้าผิดแบบ สีไม่ตรง ขนาดไม่พอดี หรือแม้แต่ได้รับของปลอม เป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้เสมอเมื่อซื้อของออนไลน์ โดยเฉพาะจากร้านค้าที่ไม่มีมาตรฐานหรือมีรีวิวน้อย

3. ความล่าช้าในการจัดส่ง 

แม้ว่าหลายแพลตฟอร์มจะมีบริการจัดส่งที่รวดเร็ว แต่ก็มีหลายกรณีที่ผู้ซื้อประสบปัญหาสินค้ามาถึงล่าช้ากว่ากำหนด หรือหายระหว่างทาง หากสินค้าส่งจากต่างประเทศ ก็จะใช้เวลานานมาก หากซื้อของและต้องการใช้โดยเร็วที่สุด การไปซื้อโดยตรงจากร้านก็น่าจะเหมาะกว่า

4. ขั้นตอนการคืนหรือเปลี่ยนสินค้ามีความยุ่งยาก 

เมื่อสินค้ามีปัญหา การขอคืนเงินหรือเปลี่ยนสินค้าอาจต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ใช้เวลานาน และในบางกรณีต้องออกค่าใช้จ่ายในการส่งคืนเอง ทำให้หลายคนยอมทิ้งของแทน หรือยกเลิกการเคลมไป

5. ความเสี่ยงจากเว็บไซต์ปลอมและมิจฉาชีพ

กรณีตัวอย่างที่หลายคนเคยได้ยินคือการซื้อของจากเพจในเฟสบุ๊ค เมื่อโอนเงินแล้วก็ถูกบล็อค สูญเงินและไม่ได้ของที่ต้องการ ซึ่งการเอาผิดในกรณีแบบนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน ทำให้หลายคนเลือกที่จะปล่อยผ่านถ้าของราคาไม่แพงมาก

แม้ว่าการซื้อของออนไลน์จะมีข้อจำกัดและความเสี่ยง ตั้งแต่สินค้าไม่ได้คุณภาพไปจนถึงความเสี่ยงต่อมิจฉาชีพ แต่ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถป้องกันได้โดยใช้เทคนิคต่อไปนี้ 

1. เลือกซื้อจากแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ 

ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ เช่น Lazada , Shopee , Tops Online รวมถึงเว็บไซต์ของแบรนด์โดยตรง ควรหลีกเลี่ยงการซื้อจากลิงก์ที่แนบมากับอีเมลหรือข้อความแปลก ๆ จากเมสเสจบนมือถือ เพราะนี่คือสัญญาณของมิจฉาชีพ และหากจะซื้อจากโซเชียลมีเดีย ก็ควรเลือกเพจหรือช่องไลฟ์สดที่น่าเชื่อถือ 

2. ตรวจสอบรีวิวและคะแนนของร้านค้า 

ก่อนกดสั่งซื้อ ควรอ่านรีวิวจากผู้ซื้อคนก่อนหน้า และดูจำนวนการขาย ยิ่งรีวิวมากและเป็นรีวิวเชิงบวก ก็ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือของร้าน

3. หลีกเลี่ยงการโอนเงินโดยตรงไปยังบัญชีส่วนตัว 

ควรเลือกชำระเงินผ่านระบบของแพลตฟอร์มหรือบริการเก็บเงินปลายทาง ซึ่งมีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ และสามารถยื่นเรื่องขอคืนเงินได้หากเกิดปัญหา หากเป็นการซื้อผ่านโซเชียลมีเดีย ก็ควรเลือกเพจที่มีบริการเก็บเงินปลายทาง หรือหากจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องโอนไปบัญชีบุคคลโดยตรง (เพราะร้านไม่มีบริการเก็บเงินปลายทาง และเป็นสินค้าที่หาซื้อจากแหล่งอื่นไม่ได้) ก็ควรดูความน่าเชื่อถือของเพจนั้นอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ 

4. ใช้บริการเว็บไซต์ตรวจสอบคนโกง 

ตัวอย่างเว็บไซต์ยอดนิยม คือ blacklistseller.com เมื่อเข้าไปแล้วให้กรอกรายละเอียดของผู้ขาย จากนั้นกดตรวจสอบ หากมีประวัติโกง ก็จะมีรายละเอียดแสดงขึ้นมา

การซื้อของออนไลน์ให้ประโยชน์กับเราอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย ส่วนลด หรือโปรโมชั่นที่มีตลอดทั้งปี แม้ว่าจะมีข้อจำกัดและความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ถ้านำเทคนิคป้องกันความเสี่ยงที่เรานำมาให้ไปใช้ก่อนเลือกซื้อของ โอกาสถูกหลอกก็จะน้อยลงจนแทบไม่มี ทำให้ช็อปได้อย่างมั่นใจในทุกครั้งที่ต้องการ

บทความ วิธีเลือกบัตรเครดิตให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์