มัดรวม AI ที่จะช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้น

เพราะการมีเครื่องมือที่ดีจะช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และเก่งขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือที่สำคัญของการทำงานในยุคนี้คือ AI (Artificial Intelligence) ที่ไม่เพียงแค่ช่วยคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ แต่ยังช่วยจัดการงานซ้ำซากให้อัตโนมัติได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยลดเวลาในการทำงานได้หลายเท่าตัว 

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ AI 4 ประเภทหลัก ในแต่ละประเภทที่จะช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น พร้อมแนะนำ AI ที่เก่งที่สุดในแต่ละด้านเพื่อให้คุณเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้อง เพิ่มขีดความสามารถของคุณให้เหนือกว่าเดิม

งานเขียนและการสร้างคอนเทนต์ถือเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจในยุคดิจิทัล ทั้งการทำบทความ SEO โพสต์โซเชียล การทำแคปชัน หรือแม้กระทั่งการสร้างสคริปต์สำหรับวิดีโอ AI ในด้านนี้สามารถช่วยให้คุณลดเวลาในการคิดงาน สร้างเนื้อหาได้เร็วขึ้น และรักษาคุณภาพงานได้อย่างมืออาชีพ AI ที่แนะนำได้แก่

  • ChatGPT (OpenAI)
  • ช่วยคิดไอเดีย, ร่างบทความ, แก้ไขงานเขียน, เขียนโพสต์โซเชียล, เขียนอีเมล
  • สามารถใช้สำหรับเขียน SEO , บทความยาว และเขียนสคริปต์วิดีโอ
  • มีเวอร์ชันให้ใช้ฟรี และ เสียเงิน

  • Jasper AI
  • เน้นการทำการตลาดและการสร้างคอนเทนต์เชิงธุรกิจ
  • มี Template สำหรับ Facebook Ads , Google Ads และ Blog SEO โดยเฉพาะ
  • ทดลองใช้ฟรี 7 วัน หลังจากนั้นมีค่าใช้จ่ายตามแผน
  • Writesonic
  • เครื่องมือเขียนคอนเทนต์ที่ใช้ง่าย
  • เหมาะสำหรับสร้างโพสต์โซเชียลที่รวดเร็วและเขียนบทความ SEO
  • ใช้ฟรี 10,000 คำ /เดือน และมีแพ็กเกจเริ่มต้น $19 /เดือน
  • ลดเวลาการคิดและเขียนบทความลง 50-80%
  • สร้างคอนเทนต์ได้ต่อเนื่องโดยไอเดียไม่ตัน
  • รักษามาตรฐานการเขียนให้สม่ำเสมอ

งานออกแบบถือเป็นงานที่ใช้เวลาและความคิดสร้างสรรค์สูง แต่ AI สามารถช่วยเป็นผู้ช่วยด้าน Visual ที่ช่วยสร้าง Mood & Tone , Reference และงานภาพสำหรับโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่ AI ประเภทนี้จะมีค่าใช้จ่ายในการสร้างภาพ หากเป็นเวอร์ชันฟรีอาจได้รูปภาพที่ไม่สมบูรณ์ AI ที่แนะนำ

  • Midjourney
  • เป็น AI สำหรับสร้างภาพตามคำสั่ง (Text-to-Image) ที่ได้ผลงานสวยและเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้งานจำนวนมาก
  • เหมาะสำหรับสร้าง Moodboard , Concept Art หรือภาพประกอบบทความ
  • มีค่าใช้จ่ายตามแผน
  • DALL·E (OpenAI)
  • AI สำหรับสร้างภาพจากข้อความ (Text Prompt)
  • สามารถแก้ไข (Inpainting) และปรับแต่งภาพที่สร้างขึ้นได้
  • มีเครดิตฟรีจำกัดเมื่อเริ่มต้น จากนั้นต้องซื้อเครดิตเพิ่ม
  • Canva AI
  • Canva มี AI สร้างภาพและออกแบบ Layout พร้อม Template
  • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการออกแบบ
  • ใช้ฟีเจอร์ AI ได้ฟรีบางส่วน , ฟีเจอร์ Pro ต้องสมัคร Canva Pro
  • Adobe Firefly
  • สำหรับการสร้างภาพและ Elements กราฟิกในงาน Adobe
  • เหมาะสำหรับงานเชิงมืออาชีพในด้านงานโฆษณาและงานกราฟิก
  • มีเครดิตให้ใช้ฟรีต่อเดือน , ถ้าเกินต้องซื้อเครดิตเพิ่ม

  • สร้างภาพประกอบบทความและโพสต์ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาหาภาพ
  • ช่วยออกแบบ Key Visual สำหรับโปรโมตสินค้า
  • ใช้เป็น Reference ก่อนทำงานออกแบบจริง
  • เวอร์ชันฟรี อาจได้รูปภาพที่สร้างออกมาไม่สมบูรณ์ 
  • ต้องมีความละเอียด แม่นยำในเรื่องของชุดคำสั่งเพื่อที่จะได้เขียน prompt ออกมาให้แสดงผลรูปภาพที่ตรงตามกับที่ต้องการ

ในองค์กรและธุรกิจยุคใหม่ การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญในการวางแผนและพัฒนา AI สามารถช่วยจัดระเบียบข้อมูล สร้างรายงาน และสรุปผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว AI จึงถูกนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูล ตั้งแต่จัดการข้อมูลดิบจนได้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจ ช่วยทำงานอัตโนมัติและวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ AI ไม่เพียงตอบคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้น” แต่ยังช่วยค้นหาสาเหตุและคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยอัลกอริทึมขั้นสูง ทำให้การสำรวจและตั้งค่าการวิเคราะห์ข้อมูลมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น แทนที่จะพึ่งพาความรู้ของผู้ใช้เพียงอย่างเดียว AI ที่แนะนำได้แก่

  • ChatGPT Advanced Data Analysis (Code Interpreter)
  • เป็นฟีเจอร์ ในการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงของ Chat GPT ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก, ทำ Data Cleaning และ lk , ki5 สร้าง Visualization ได้
  • เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการความเร็วในการสรุปข้อมูล
  • เวอร์ชันธรรมดาฟรี ส่วนฟีเจอร์ Advanced Data Analysis ต้องใช้ GPT-4 Plus/Pro มีค่าใช้จ่าย
  • Power BI + Copilot
  • สำหรับองค์กรที่ต้องการ Dashboard วิเคราะห์ข้อมูล
  • ใช้ AI ช่วยสรุป Insight ของข้อมูลอัตโนมัติ สามารถสร้าง Reportได้อย่างรวดเร็ว
  • Power BI Desktop ฟรี , Power BI Pro มีค่าใช้จ่าย , Copilot ต้องใช้กับ Plan แบบ Pro/Enterprise
  • MonkeyLearn
  • เป็น AI สำหรับการวิเคราะห์ข้อความ (Text Analysis) แบบ No-Code ที่ช่วยให้ธุรกิจ แยกแยะ จัดหมวดหมู่และวิเคราะห์ข้อมูลข้อความจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเอง
  • ทำ Data Mining , การวิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis)และการจัดหมวดหมู่ข้อมูล
  • มี Free Plan แบบจำกัดจำนวนการใช้งาน และหากใช้วิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากและเชื่อม API จะต้องสมัครแผนเสียเงิน

  • ช่วยลดเวลาการทำรายงานและวิเคราะห์ข้อมูล
  • ช่วยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่อาจมองไม่เห็นจากการอ่านเอง
  • เชื่อมต่อกับ Workflow เพื่อทำงานอัตโนมัติ

หลายครั้งที่งานประจำ เช่น การจดบันทึกการประชุม , การจัดตารางงาน , การตอบอีเมลล์ ทำให้เสียเวลาในการทำงานหลัก AI สำหรับ Productivity ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานสำคัญได้มากขึ้น AI ที่แนะนำ

  • Notion AI
  • สรุปการประชุม , จัดโครงร่างเนื้อหา , Brainstorm ไอเดีย
  • เชื่อมกับ Task Management ของ Notion
  • Otter.ai
  • Transcribe การประชุมแบบ Real-Time พร้อมสรุป Keypoint
  • Grammarly
  • ช่วยตรวจคำผิดและปรับภาษาให้เป็นทางการ
  • ลดเวลาการทำงานที่ซ้ำซ้อน
  • จัดระเบียบชีวิตการทำงานให้ชัดเจน
  • ลดความเครียดจากงานยิบย่อยที่ต้องทำทุกวัน 

จะเห็นว่า AI แต่ละประเภทมีความสามารถที่แตกต่างกัน เพียงแต่เราต้องเลือกใช้งานให้ถูกต้องและเหมาะสม เพราะนอกจากจะช่วยให้งานเสร็จเร็วแล้ว งานที่ได้ยังมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่ง AI ไม่ได้มาแทนที่คนทำงาน แต่เป็นตัวช่วยให้ทำงานได้ เร็วขึ้น ประหยัดเวลา ลดความผิดพลาด หากคุณเลือก AI ให้ทำงานได้ตรงกับประเภทงานก็จะสามารถเพิ่ม Productivity สูงสุดได้ไม่ยากเลยล่ะครับ